คุณต่อ
ICU ตั้งกระทู้ที่ 10 ของเขาดังนี้ **ติดอาวุธทางปัญญา** กรณีธรรมกายตอนที่
10 รักษาพระไตรปิฎกเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด-ไม่ใช่เรื่องอิจฉา-ไม่อ้อนวอนคือพุทธแท้” [ตอนนี้ลิงก์ตายไปแล้ว]
โดย
ต่อ ICU นำหนังสือกรณีธรรมกาย ฉบับพิมพ์ล่าสุดลงไป 3 หน้า และผมได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อความที่ว่า
“นิพพานของฮินดู” ไปแล้วในบทความ “รักษาพระไตรปิฎก[1]”
ในบทความนี้จะวิพากษ์วิจารณ์ต่อที่ข้อความนี้
พระพุทธเจ้าเองได้ตรัสไว้ว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว
ธรรมวินัยที่ทรงแสดงแล้ว และบัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลายนั้น
จะเป็นศาสดาแทนพระองค์สืบไป
ธรรมวินัยนั้น เวลานี้อยู่ที่ไหน ก็รักษาไว้ในพระไตรปิฎก
ธรรมวินัยก็คือ หลักการและหลักเกณฑ์ของพระพุทธศาสนา
ที่มาจากพุทธพจน์ และพุทธบัญญัติ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน
ยิ่งหลักการที่สำคัญ
อย่างนิพพานซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว ก็จะต้องมีความแน่นอนว่าเป็นอย่างไร
เพราะว่า ศาสนิกหรือผู้ปฏิบัติทั้งหลาย
ยังไม่อาจรู้เข้าใจหลักการนี้ด้วยประสบการณ์ของตนเอง
พระศาสดาจึงต้องแสดงไว้ให้ชัดเท่าที่จะใช้ภาษาสื่อสารให้สติปัญญาของผู้ปฏิบัติรู้เข้าใจได้
|
ข้อให้ผู้อ่านคอยสังเกต
“ความไม่ชอบมาพากล” ของพระรูปนี้ ไม่ว่าพระรูปนี้จะโจมตีบุคคลอื่นในเรื่องใด
ประเด็นใด ท่านก็จะทำเป็นอย่างนั้นอยู่ด้วย
“ความไม่ชอบมาพากล” ของพระรูปนี้ ท่านก็ทำพฤติกรรมอย่างนั้นอยู่ แต่ท่านไม่ผิด เมื่อไหร่ก็ตาม
ใครมาทำพฤติกรรมอย่างนั้น
ท่านก็ออกมาด่าว่าผิด
คำสอนเรื่อง
“นิพพาน” ของวิชาธรรมกายมีความชัดเจนแจ่มชัดตามพระธรรมวินัยทุกประการ
สามารถปฏิบัติตามได้
มีผู้ปฏิบัติตามได้เป็นจำนวนล้านคน
ท่านกลับหาว่า
“ไม่ชัดเจน”
นิพพานของพระรูปนี้
นั่นแหละ ไม่เคยชัดเจนเลย แต่เอามาโจมตีนิพพานที่วิชาธรรมกายอธิบายได้อย่างชัดเจน
หลักฐานก็ข้อให้ดูข้อเขียนของพระรูปนี้ดังนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอันใดไม่เที่ยง อันนั้นย่อมเป็นทุกข์
อันใดเป็นทุกข์ อันนั้นย่อมเป็นอนัตตาก็จริง
แต่อันใดเป็นอนัตตา อันนั้นไม่จำเป็นต้องไม่เที่ยง
ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์เสมอไป
กล่าวคือ สังขารหรือสังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง
สังขารหรือสังขตธรรมทั้ปวงนั้นย่อมเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
แต่ธรรมทั้งปวงคือ ทั้งสังขตธรรมและอสังขตธรรม
หรือทั้งสังขารและวิสังขาร แม้จะเป็นอนัตตา
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเที่ยงและเป็นทุกข์เสมอไป
หมายความว่า อสังขตธรรมหรือวิสังขาร (คือนิพพาน) แม้จะเป็นอนัตตา
แต่ก็พ้นจากความไม่เที่ยง และพ้นจากความเป็นทุกข์
โดยนัยนี้ คือ คำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะทั้งสามเท่าที่แสดงมาแล้ว
ซึ่งมีความหมายเนื่องเป็นอันเดียวกัน เป็นต่างด้านของเรื่องเดียวกัน จึงมุ่งสำหรับสังขารหรือสังขตธรรมเป็นสำคัญ
ส่วนความเป็นอนัตตาของวิสังขาร หรืออสังขตธรรม ยังเป็นเรื่องที่จะต้องหาความกระจ่างแจ้งกันต่อไปอีก
|
ข้อความทั้งหมดนั้น
“มั่ว” สุดๆ เป็นการตีความที่ไร้เหตุผล ไร้สาระสุดๆ
ขอให้สังเกตปกติวิสัยของพระรูปนี้อีกอย่างหนึ่ง พระรูปนี้ชอบสร้างภาพว่า เป็นนักวิชาการ
เป็นเสาหลักของศาสนาพุทธ ดังนั้น
ในการเขียนหนังสือนั้น จะมีการ “อ้างอิง” มหาศาล เพื่อโชว์ความรู้
เมื่อไหร่ก็ตาม
ที่ข้อเขียนไม่มีการอ้างอิง (อย่างเช่นข้อความด้านบน) แสดงว่า พระรูปนี้กำลังจะมั่วแล้ว
ณ
ตรงนี้ ในภาพที่สแกนมา ขอให้ดูในแถบระบายสีเหลือง
พระประยุทธ์เขียนไว้ว่า “ส่วนความเป็นอนัตตาของวิสังขารหรืออสังขตธรรม
ยังเป็นเรื่องที่จะต้องหาความกระจ่างกันต่อไป”
ส่วนในตัวเขียนที่พิมพ์ใหม่ให้เห็นชัดเจนนั้น
ก็ดูที่ตัวอักษรสีแดง
ข้อความนั้น
ขออธิบายแบบภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ พระประยุทธ์ยังไม่รู้ว่า
................นิพพานเป็นอนัตตาอย่างไร
...........
ในทางวิชาธรรมกายนั้น
อธิบายไว้อย่างชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย พระรูปนี้บอกว่า “ไม่ชัดเจน” แต่
ตัวท่านเองก็เขียนมาว่า ท่านยังไม่กระจ่างแจ้งเรื่องนิพพานเลย
จากการที่ติดตามอ่านหนังสือของพระรูปนี้มาโดยตลอด
จนกระทั่งพระรูปนี้ จะตายอยู่มะร่อมมะร่อแล้วก็ยังไม่ได้ศึกษาว่า
นิพพานเป็นอนัตตาอย่างไร
ไหนว่า
“นิพพานซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา” ตั้งแต่บวชเณรจนบวชพระ
มีชีวิตมาหลายสิบปีจนจะตายแล้ว
ยังไม่ศึกษาเรื่องจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาเลย