บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

รักษาพระไตรปิฎก[2]


คุณต่อ ICU ตั้งกระทู้ที่ 10 ของเขาดังนี้ **ติดอาวุธทางปัญญา** กรณีธรรมกายตอนที่ 10 รักษาพระไตรปิฎกเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด-ไม่ใช่เรื่องอิจฉา-ไม่อ้อนวอนคือพุทธแท้” [ตอนนี้ลิงก์ตายไปแล้ว]

โดย ต่อ ICU นำหนังสือกรณีธรรมกาย ฉบับพิมพ์ล่าสุดลงไป 3 หน้า และผมได้วิพากษ์วิจารณ์ข้อความที่ว่า “นิพพานของฮินดู” ไปแล้วในบทความ “รักษาพระไตรปิฎก[1] 

ในบทความนี้จะวิพากษ์วิจารณ์ต่อที่ข้อความนี้

พระพุทธเจ้าเองได้ตรัสไว้ว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว ธรรมวินัยที่ทรงแสดงแล้ว และบัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลายนั้น จะเป็นศาสดาแทนพระองค์สืบไป

ธรรมวินัยนั้น เวลานี้อยู่ที่ไหน ก็รักษาไว้ในพระไตรปิฎก

ธรรมวินัยก็คือ หลักการและหลักเกณฑ์ของพระพุทธศาสนา ที่มาจากพุทธพจน์ และพุทธบัญญัติ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน

ยิ่งหลักการที่สำคัญ อย่างนิพพานซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว ก็จะต้องมีความแน่นอนว่าเป็นอย่างไร

เพราะว่า ศาสนิกหรือผู้ปฏิบัติทั้งหลาย ยังไม่อาจรู้เข้าใจหลักการนี้ด้วยประสบการณ์ของตนเอง พระศาสดาจึงต้องแสดงไว้ให้ชัดเท่าที่จะใช้ภาษาสื่อสารให้สติปัญญาของผู้ปฏิบัติรู้เข้าใจได้

ข้อให้ผู้อ่านคอยสังเกต “ความไม่ชอบมาพากล” ของพระรูปนี้  ไม่ว่าพระรูปนี้จะโจมตีบุคคลอื่นในเรื่องใด ประเด็นใด  ท่านก็จะทำเป็นอย่างนั้นอยู่ด้วย

ความไม่ชอบมาพากล” ของพระรูปนี้  ท่านก็ทำพฤติกรรมอย่างนั้นอยู่  แต่ท่านไม่ผิด เมื่อไหร่ก็ตาม ใครมาทำพฤติกรรมอย่างนั้น  ท่านก็ออกมาด่าว่าผิด

คำสอนเรื่อง “นิพพาน” ของวิชาธรรมกายมีความชัดเจนแจ่มชัดตามพระธรรมวินัยทุกประการ สามารถปฏิบัติตามได้  มีผู้ปฏิบัติตามได้เป็นจำนวนล้านคน 

ท่านกลับหาว่า “ไม่ชัดเจน” 

นิพพานของพระรูปนี้ นั่นแหละ ไม่เคยชัดเจนเลย แต่เอามาโจมตีนิพพานที่วิชาธรรมกายอธิบายได้อย่างชัดเจน

หลักฐานก็ข้อให้ดูข้อเขียนของพระรูปนี้ดังนี้ 




อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอันใดไม่เที่ยง อันนั้นย่อมเป็นทุกข์ อันใดเป็นทุกข์ อันนั้นย่อมเป็นอนัตตาก็จริง

แต่อันใดเป็นอนัตตา อันนั้นไม่จำเป็นต้องไม่เที่ยง ไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์เสมอไป

กล่าวคือ สังขารหรือสังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารหรือสังขตธรรมทั้ปวงนั้นย่อมเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา

แต่ธรรมทั้งปวงคือ ทั้งสังขตธรรมและอสังขตธรรม หรือทั้งสังขารและวิสังขาร แม้จะเป็นอนัตตา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเที่ยงและเป็นทุกข์เสมอไป

หมายความว่า อสังขตธรรมหรือวิสังขาร (คือนิพพาน) แม้จะเป็นอนัตตา แต่ก็พ้นจากความไม่เที่ยง และพ้นจากความเป็นทุกข์

โดยนัยนี้ คือ คำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะทั้งสามเท่าที่แสดงมาแล้ว ซึ่งมีความหมายเนื่องเป็นอันเดียวกัน เป็นต่างด้านของเรื่องเดียวกัน จึงมุ่งสำหรับสังขารหรือสังขตธรรมเป็นสำคัญ

ส่วนความเป็นอนัตตาของวิสังขาร หรืออสังขตธรรม ยังเป็นเรื่องที่จะต้องหาความกระจ่างแจ้งกันต่อไปอีก

ข้อความทั้งหมดนั้น “มั่ว”  สุดๆ เป็นการตีความที่ไร้เหตุผล ไร้สาระสุดๆ 

ขอให้สังเกตปกติวิสัยของพระรูปนี้อีกอย่างหนึ่ง  พระรูปนี้ชอบสร้างภาพว่า เป็นนักวิชาการ เป็นเสาหลักของศาสนาพุทธ  ดังนั้น ในการเขียนหนังสือนั้น  จะมีการ “อ้างอิง” มหาศาล  เพื่อโชว์ความรู้

เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ข้อเขียนไม่มีการอ้างอิง (อย่างเช่นข้อความด้านบน)  แสดงว่า พระรูปนี้กำลังจะมั่วแล้ว

ณ ตรงนี้ ในภาพที่สแกนมา ขอให้ดูในแถบระบายสีเหลือง พระประยุทธ์เขียนไว้ว่า “ส่วนความเป็นอนัตตาของวิสังขารหรืออสังขตธรรม ยังเป็นเรื่องที่จะต้องหาความกระจ่างกันต่อไป

ส่วนในตัวเขียนที่พิมพ์ใหม่ให้เห็นชัดเจนนั้น ก็ดูที่ตัวอักษรสีแดง

ข้อความนั้น ขออธิบายแบบภาษาไทยให้เป็นภาษาไทย เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็คือ พระประยุทธ์ยังไม่รู้ว่า

................นิพพานเป็นอนัตตาอย่างไร ...........

ในทางวิชาธรรมกายนั้น อธิบายไว้อย่างชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย พระรูปนี้บอกว่า “ไม่ชัดเจน” แต่ ตัวท่านเองก็เขียนมาว่า ท่านยังไม่กระจ่างแจ้งเรื่องนิพพานเลย

จากการที่ติดตามอ่านหนังสือของพระรูปนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งพระรูปนี้  จะตายอยู่มะร่อมมะร่อแล้วก็ยังไม่ได้ศึกษาว่า นิพพานเป็นอนัตตาอย่างไร

ไหนว่า “นิพพานซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาตั้งแต่บวชเณรจนบวชพระ มีชีวิตมาหลายสิบปีจนจะตายแล้ว  ยังไม่ศึกษาเรื่องจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาเลย


กระทบพระธรรมวินัย[3]



โดย ต่อ ICU นำหนังสือกรณีธรรมกายของพระประยุทธ์ฉบับพิมพ์ล่าสุดลงไป 2 หน้า โดยมีหัวข้อหลักๆ ที่นำเสนอจำนวน 3 ข้อ ดังนี้

วัดพระธรรมกาย เผยแพร่คำสอนคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น

๑) สอนว่านิพพานเป็นอัตตา
๒) สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน
๓) สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น

ผมขอสรุปในเบื้องต้นอีกทีว่า ที่พระรูปนี้เขียนไปนั้น ไม่จริงทั้งสิ้น วิชาธรรมกายสอนถูกต้องตามพระไตรปิฎกแล้ว 

พระประยุทธ์บิดเบือนทุกอย่างในพระไตรปิฎก ไม่ใช่เพื่อประทังความหิว ไม่ใช่เพื่อครอบครัวที่หิวโหย  ผ้าเหลืองที่ห่มอยู่ทำความอิ่มให้กับพระรูปนี้ดีอยู่แล้ว พระรูปนี้ทำเพื่อความอยากมีหน้ามีตาในสังคม เท่านั้น

ข้อที่ ๑) ที่ว่า สอนว่านิพพานเป็นอัตตาผมวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ขอให้ไปอ่านได้ที่บทความ กระทบพระธรรมวินัย[1]ถ้าสนใจ

ข้อที่ ๒) ที่ว่า  สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพานผมวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ขอให้ไปอ่านได้ที่บทความ กระทบพระธรรมวินัย[2]ถ้าสนใจ

ในบทความนี้ ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ข้อที่ ๓) ที่ว่า สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น

เพื่อความสะดวกในการวิพากษ์วิจารณ์ข้อแบ่งข้อความดังกล่าวเป็นส่วนๆ ดังนี้

[1] สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่

ก่อนที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อไป ผมขอยกตัวอย่างพระสูตรจากนิพพานสูตรเสียก่อน ดังนี้

นิพพานสูตรที่ ๑
[๑๕๘]

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ จบสูตรที่ ๑

นิพพานสูตรที่ ๒

[๑๕๙]
ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยาก ชื่อว่านิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพานนั้นเป็นธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคล ผู้รู้ ผู้เห็นอยู่ ฯ จบสูตรที่ ๒

๓. นิพพานสูตรที่ ๓

[๑๖๐]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้วอันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว จักไม่ได้มีแล้วไซร้ การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้เลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ฉะนั้น การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้วจึงปรากฏ ฯ จบสูตรที่ ๓

นิพพานสูตรทั้ง 3 พระสูตรนั้น  นักปริยัติไม่มีใครโต้แย้งกัน ทุกคนเชื่อว่า นิพพานมีอยู่”  ในการแปลภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทย ทุกคนก็ต้องใช้ศัพท์ภาษาไทย ผมในนักภาษาศาสตร์ ผมก็ว่าเป็นธรรมดา

พระรูปนี้ ก็ทำอยู่เช่นเดียวกัน  ท่านทำแบบเดียวกับคนอื่นทำ  คนอื่นทำผิด  แต่ท่านทำ ท่านถือว่าถูก

[2] สอนเรื่องอายตนนิพพานให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้

ข้อความนี้ก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อนิพพานมีอยู่ และมีพุทธพจน์ที่กล่าวว่า เราสามารถเห็นพระพุทธเจ้าได้ รวมถึงเห็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้อีกด้วย ดังนี้

วักกลิสูตรว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า 

อย่าเลย วักกลิ ร่างกายอันเปื่อยเน่าที่เธอเห็นนี้ จะมีประโยชน์อะไร? ดูกรวักกลิ ผู้ใดแล เห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม. วักกลิเป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม.

๑๐. อนุตตริยสูตร
[๓๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุตตริยะ ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน คือ ทัสสนานุตตริยะ ๑ สวนานุตตริยะ ๑ ลาภานุตตริยะ ๑ สิกขานุตตริยะ ๑ ปาริจริยานุตตริยะ ๑ อนุสสตานุตตริยะ ๑ ฯ
.................................
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น  มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกพระตถาคต  การเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ทัสสนานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะเป็นดังนี้ ฯ

พระประยุทธ์ไม่เคยเห็นพระสูตรดังกล่าวหรือ 

พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างชัดเจนว่า นิพพานมีอยู่ ใครปฏิบัติตามคำสอนสามารถเห็นพระองค์และเห็นสาวกของพระองค์ได้  พระองค์ยังทรงยืนยันเป็นการเห็นที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

สายวิชาธรรมกายปฏิบัติธรรมตามคำสอน เห็นพระพุทธเจ้า เห็นอายตนนิพพานก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ 

พระประยุทธ์ไม่เคยปฏิบัติธรรมในรูปแบบใดๆ ยังจะมีหน้าไปวิพากษ์วิจารณ์พระปฏิบัติธรรม

[3] มีพิธีถวายข้าวพระที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้า

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คือ เราสามารถนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าได้ แต่วัดพระธรรมกายทำไม่ถึง มารเอากินเรียบ 

คนที่ทำได้มีคนเดียวคือ คุณลุงการุณย์ บุญมานุช  ผมไปร่วมพิธีกับคุณลุงที่จังหวัดจันทบุรีเดินละประมาณ 3 ครั้ง 

พระประยุทธ์เคยไปสังเกตการณ์หรือไม่  ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ควรให้เหตุผลด้วยว่า เป็นไปไม่ได้อย่างไร

ไม่ใช่ท่องเหมือนคนปัญญาอ่อนว่า เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ไม่แสดงเหตุผลซะด้วย ...



กระทบพระธรรมวินัย[2]


โดย ต่อ ICU นำหนังสือกรณีธรรมกายของพระประยุทธ์-พระเปลืองข้าวสุกประชาชนฉบับพิมพ์ล่าสุดลงไป 2 หน้า โดยมีหัวข้อหลักๆ ที่นำเสนอจำนวน 3 ข้อ ดังนี้

วัดพระธรรมกาย เผยแพร่คำสอนคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น

๑) สอนว่านิพพานเป็นอัตตา
๒) สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน
๓) สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น

ผมขอสรุปในเบื้องต้นอีกทีว่า ที่พระรูปนี้เขียนไปนั้น “ไม่จริง” ทั้งสิ้น วิชาธรรมกายสอนถูกต้องตามพระไตรปิฎกแล้ว 

พระประยุทธ์บิดเบือนทุกอย่างในพระไตรปิฎก ไม่ใช่เพื่อประทังความหิว ไม่ใช่เพื่อครอบครัวที่หิวโหย  ผ้าเหลืองที่ห่มอยู่ทำความอิ่มให้กับพระรูปนี้ดีอยู่แล้ว พระรูปนี้ทำเพื่อความอยากมีหน้ามีตาในสังคม เท่านั้น

ข้อที่ ๑) ที่ว่า “สอนว่านิพพานเป็นอัตตา” ผมวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ขอให้ไปอ่านได้ที่บทความ “กระทบพระธรรมวินัยกระทบพระธรรมวินัย[1] ถ้าสนใจ

ในบทความนี้ ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ข้อที่ ๒) ที่ว่า “สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน

เพื่อความสะดวกในการวิพากษ์วิจารณ์ข้อแบ่งข้อความดังกล่าวเป็นส่วนๆ ดังนี้

[1] สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต

ขออธิบายคร่าวๆ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นความไม่ชอบมาพากลของพระรูปนี้ก่อน 

หลักการของศาสนาพุทธที่ว่า “ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ” พระรูปนี้ไม่เคยปฏิเสธหลักการสำคัญทั้ง 3 ประการนี้  ถ้าพระรูปนี้ปฏิเสธเรื่องนี้ ผลของการวิพากษ์วิจารณ์ของผมจะแตกต่างออกไปจากนี้

ในเมื่อพระประยุทธ์ “ยอมรับ” หลักการของปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ แต่ท่านไม่เคยปฏิบัติ ท่านจะเอาความรู้ที่เป็นปฏิเวธอันไหน ไปวิพากษ์วิจารณ์คำสอนของพระปฏิบัติ

เห็นความไม่ชอบมาพากลของพระรูปนี้กันไหม ตัวเองไม่กล้าปฏิบัติธรรม  ถ้าแน่จริงก็ประกาศมาเลยว่า ในการศึกษาศาสนาพุทธ ทำแค่ศึกษาปริยัติอย่างท่านก็พอแล้ว

ศึกษาไปแล้ว ท่านก็บอกเลยว่า กี่ปี กี่ขั้น จึงจะไปนิพพานได้  ถ้าท่านไม่เชื่อเรื่องนิพพาน ก็ประกาศไปเลยว่า “นิพพานไม่มี”  

แล้ววิชาธรรมกายเผยแพร่มานานแล้ว คนเห็นดวงธรรม กายธรรมมีเป็นล้านๆ คนแล้ว พระประยุทธ์ก็ “รู้” แต่ไม่ยอมนำมากล่าวถึง ทำเป็นเหมือนว่า ท่านไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

แล้วหลักฐานที่ชัดแจ้งที่สุดที่พระประยุทธ์ “รู้” แต่ไม่ยอมนำมากล่าวถึง ก็เป็นเพราะความไม่เชื่อพระไตรปิฎกของท่านนั่นเอง

ผมเองสามารถสอนให้เด็กเห็นดวงธรรม กายธรรม เด็กนักเรียนนักศึกษา ผู้ใหญ่สามารถวาดรูปกายธรรมให้ดูได้ด้วย  พระประยุทธ์จะว่าอย่างไร

[2] ให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์

ให้เน้นดูข้อความสีแดง จะเห็นตัวตนของพระรูปนี้มากขึ้น กายธรรมหรือธรรมกายนั้น มีแน่ๆ สายวิชาธรรมกายก็ไม่ปฏิบัติการมีตัวตนของกายธรรม เพราะเป็นหลักสูตรคำสอน

กายมนุษย์ – กายรูปพรหม เป็นกายอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
กายธรรมพระโสดา – กายธรรมพระอรหัต เป็นกายนิจจัง สุขัง อัตตา

คำว่า “เป็นอัตตา” นี้ พระประยุทธ์บิดเบือนไปในหลายที่แหลายแห่งแล้วว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนว่านิพพานเป็นอัตตาแบบพราหมณ์

คำนี้แทรกเข้ามาก็เพื่อลวงคนอ่านให้หลงเชื่อไปตามท่าน

[3] พระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน

ผมขอยกตัวอย่าง หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

สพฺพปาปสฺส อกรณํ            กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ                  เอตํ พุทฺธาน ศาสนํฯ

การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑     การทำความดีให้ถึงพร้อม ๑
การทำจิตใจของตนให้ใส ๑              นี้เป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ดูคำแปลที่เป็นภาษาอังกฤษ จากบทความนี้ “หลักการหรือคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา

Never do any evil. Always do good.
Purify your minds.  These are the Buddhas’s instructions.

คำว่า “พระพุทธเจ้าทั้งหลาย” มีอยู่ทั่วไปในพระไตรปิฎก พระประยุทธ์ หัวหนวก ตาบอดจึงไม่เห็นคำนี้หรือ

เมื่อพระพุทธเจ้ามีเป็นจำนวนมาก วิชาธรรมกายสามารถเห็นพระพุทธเจ้า เห็นอายตนนิพพาน ก็เห็นพระพุทธเจ้าทั้งหลายอยู่ในอายตนนิพพานนั้นก็ถูกแล้ว

จะเห็นพระพุทธเจ้าไปอยู่ที่วัดญาณกเวศหรือ.................