บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

กระทบพระธรรมวินัย[3]



โดย ต่อ ICU นำหนังสือกรณีธรรมกายของพระประยุทธ์ฉบับพิมพ์ล่าสุดลงไป 2 หน้า โดยมีหัวข้อหลักๆ ที่นำเสนอจำนวน 3 ข้อ ดังนี้

วัดพระธรรมกาย เผยแพร่คำสอนคลาดเคลื่อนไปจากหลักพระพุทธศาสนาหลายประการ เช่น

๑) สอนว่านิพพานเป็นอัตตา
๒) สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพาน
๓) สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น

ผมขอสรุปในเบื้องต้นอีกทีว่า ที่พระรูปนี้เขียนไปนั้น ไม่จริงทั้งสิ้น วิชาธรรมกายสอนถูกต้องตามพระไตรปิฎกแล้ว 

พระประยุทธ์บิดเบือนทุกอย่างในพระไตรปิฎก ไม่ใช่เพื่อประทังความหิว ไม่ใช่เพื่อครอบครัวที่หิวโหย  ผ้าเหลืองที่ห่มอยู่ทำความอิ่มให้กับพระรูปนี้ดีอยู่แล้ว พระรูปนี้ทำเพื่อความอยากมีหน้ามีตาในสังคม เท่านั้น

ข้อที่ ๑) ที่ว่า สอนว่านิพพานเป็นอัตตาผมวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ขอให้ไปอ่านได้ที่บทความ กระทบพระธรรมวินัย[1]ถ้าสนใจ

ข้อที่ ๒) ที่ว่า  สอนเรื่องธรรมกายอย่างเป็นภาพนิมิต และให้มีธรรมกายที่เป็นตัวเป็นตนเป็นอัตตาของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์ ไปรวมกันอยู่ในอายตนนิพพานผมวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว ขอให้ไปอ่านได้ที่บทความ กระทบพระธรรมวินัย[2]ถ้าสนใจ

ในบทความนี้ ผมจะวิพากษ์วิจารณ์ข้อที่ ๓) ที่ว่า สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่ ให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ถึงกับมีพิธีถวายข้าวพระ ที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าในอายตนนิพพานนั้น

เพื่อความสะดวกในการวิพากษ์วิจารณ์ข้อแบ่งข้อความดังกล่าวเป็นส่วนๆ ดังนี้

[1] สอนเรื่องอายตนนิพพานที่ปรุงถ้อยคำขึ้นมาเองใหม่

ก่อนที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อไป ผมขอยกตัวอย่างพระสูตรจากนิพพานสูตรเสียก่อน ดังนี้

นิพพานสูตรที่ ๑
[๑๕๘]

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะวิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ จบสูตรที่ ๑

นิพพานสูตรที่ ๒

[๑๕๙]
ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยาก ชื่อว่านิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพานนั้นเป็นธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอันบุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคล ผู้รู้ ผู้เห็นอยู่ ฯ จบสูตรที่ ๒

๓. นิพพานสูตรที่ ๓

[๑๖๐]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้วอันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว จักไม่ได้มีแล้วไซร้ การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้เลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ฉะนั้น การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้วจึงปรากฏ ฯ จบสูตรที่ ๓

นิพพานสูตรทั้ง 3 พระสูตรนั้น  นักปริยัติไม่มีใครโต้แย้งกัน ทุกคนเชื่อว่า นิพพานมีอยู่”  ในการแปลภาษาบาลีมาเป็นภาษาไทย ทุกคนก็ต้องใช้ศัพท์ภาษาไทย ผมในนักภาษาศาสตร์ ผมก็ว่าเป็นธรรมดา

พระรูปนี้ ก็ทำอยู่เช่นเดียวกัน  ท่านทำแบบเดียวกับคนอื่นทำ  คนอื่นทำผิด  แต่ท่านทำ ท่านถือว่าถูก

[2] สอนเรื่องอายตนนิพพานให้เป็นดินแดนที่จะเข้าสมาธิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้

ข้อความนี้ก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อนิพพานมีอยู่ และมีพุทธพจน์ที่กล่าวว่า เราสามารถเห็นพระพุทธเจ้าได้ รวมถึงเห็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้อีกด้วย ดังนี้

วักกลิสูตรว่าด้วยการเห็นธรรมชื่อว่าเห็นพระพุทธเจ้า 

อย่าเลย วักกลิ ร่างกายอันเปื่อยเน่าที่เธอเห็นนี้ จะมีประโยชน์อะไร? ดูกรวักกลิ ผู้ใดแล เห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม. วักกลิเป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม.

๑๐. อนุตตริยสูตร
[๓๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุตตริยะ ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน คือ ทัสสนานุตตริยะ ๑ สวนานุตตริยะ ๑ ลาภานุตตริยะ ๑ สิกขานุตตริยะ ๑ ปาริจริยานุตตริยะ ๑ อนุสสตานุตตริยะ ๑ ฯ
.................................
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น  มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกพระตถาคต  การเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ทัสสนานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะเป็นดังนี้ ฯ

พระประยุทธ์ไม่เคยเห็นพระสูตรดังกล่าวหรือ 

พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างชัดเจนว่า นิพพานมีอยู่ ใครปฏิบัติตามคำสอนสามารถเห็นพระองค์และเห็นสาวกของพระองค์ได้  พระองค์ยังทรงยืนยันเป็นการเห็นที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

สายวิชาธรรมกายปฏิบัติธรรมตามคำสอน เห็นพระพุทธเจ้า เห็นอายตนนิพพานก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ 

พระประยุทธ์ไม่เคยปฏิบัติธรรมในรูปแบบใดๆ ยังจะมีหน้าไปวิพากษ์วิจารณ์พระปฏิบัติธรรม

[3] มีพิธีถวายข้าวพระที่จะนำข้าวบูชาไปถวายแด่พระพุทธเจ้า

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คือ เราสามารถนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าได้ แต่วัดพระธรรมกายทำไม่ถึง มารเอากินเรียบ 

คนที่ทำได้มีคนเดียวคือ คุณลุงการุณย์ บุญมานุช  ผมไปร่วมพิธีกับคุณลุงที่จังหวัดจันทบุรีเดินละประมาณ 3 ครั้ง 

พระประยุทธ์เคยไปสังเกตการณ์หรือไม่  ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ควรให้เหตุผลด้วยว่า เป็นไปไม่ได้อย่างไร

ไม่ใช่ท่องเหมือนคนปัญญาอ่อนว่า เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ไม่แสดงเหตุผลซะด้วย ...



2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ผมอ่านพุทธพจน์นี้ แล้วฟันธงได้เลยครับ ว่าวิชาธรรมกายเป็นวิชาของพระพุทธเจ้าจริง

    มีสายปฏิบัติไหนอีก ที่สอนให้ "เห็น" "พระพุทธองค์" และ "สาวกของท่าน" บน "นิพพาน" ได้ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้บอกอีกด้วยว่า "การเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย" และยังบอกด้วยว่านิพพาน "มีอยู่"

    (ยกเว้นฤาษีลิงดำ ซึ่งอ้างว่าไปนิพพานได้เหมือนกัน แต่จะไม่ได้เรื่อง "ดวงตาเห็นธรรม" เป็นอย่างไร และ เรื่อง "กายในกาย ณ ภายใน, กายในกาย ณ ภายนอก" เป็นอย่างไร ซึ่งผิดมหันต์)

    ตอบลบ